confirm("ํPlease Click Yes To Go to the New Website : Game-portals.com Please Set the Encoding to UTF-8 For Best View Please Use Google Chrome"

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

[RIP] Battle realms & Winter of the Wolf

http://img31.picoodle.com/img/img31/8/7/5/f_1m_e244a96.jpg

"เหล่านักรบผู้กล้าที่พร้อมจะพลีชีพเพื่อคุณ" ถ้ามีคนมาพูดกับคุณยังงี้ คุณจะรู้สึกยังไงครับ นี่คือเกมส์แนววางแผนอีกเกมส์ที่จะมาเขย่าวงการครับ ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม การแก่งแย่ง เพื่อความเป็นใหญ่ นับเป็นอีกเกมสืที่น่าเล่นทีเดียวครับ วันนี้ไปได้เรื่องราวเกี่ยวกับเกมส์นี้อย่างย่อ ๆ มาครับ เป็นเนื้อเรื่องของเกส์โดยรวม ๆ และ รายละเอียดของเผ่าพันธ์ต่าง ๆ ในเกมส์นี้ ข้อมูลนี้มาตรงจาก NEWERA เลยครับ อาจจะยาวไปนิดครับ แต่อ่านเพลินดีครับ

อารัมภบท

กาลครั้งหนึ่ง เนิ่นนานก่อนสมัยบรรพบุรุษของพวกเราทั้งหลาย ดินแดนยังคงเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกัน

ดินแดนที่ชุ่มชื่นไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ดินแดนแห่งเนินเขาและแมกไม้เก่าแก่ มากมายไปด้วยผู้คนที่สวยงามแปลกตา บางคนเดินทางมาโดยเรือจากดินแดนไกลโพ้นและตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ บางคนสืบเชื้อสายมาจากชนชาวเขาที่สืบสายจากบรรพบุรุษอันมีประวัติที่ยาวนาน สงครามยังไม่เป็นที่รู้จัก มีแต่ความสงบปกแผ่ไปทั่ว ความสงบแห่งพลังและความอุดมสมบูรณ์

ครั้งนั้นไม่มีที่ใดที่จะรุ่งโรจน์ได้เทียบเท่ากับดรากอนโฮล์ม (Dragonholm) ดินแดนที่เชื้อสายมังกร (Dragon Clan) อยู่กัน เหล่าปฏิมากรที่ถูกลืมเลือนได้เคยสลักเสลาบันดาลให้กำแพงดูมีชิวิตชีวาขึ้น มาอย่างเฉลียวฉลาด และสวยงามถึงขนาดชาวบ้านเชื่อกันว่ามันมีชีวิตจริง โชกุนที่ถูกลืมเลือนได้ตรากฏหมายที่ทั้งเข้มงวดและยุติธรรม เหล่าปรมาจารย์ที่ถูกลืมเลือนได้ฝึกฝนนักรบให้ชำนาญกลยุทธ์การต่อสู้ที่ลึก ซึ้งและดุเดือด แม้แต่ปราชญ์ที่ฉลาดที่สุดยังเขียนเรื่องราวเอาไว้บนแผ่นหนังบุทอง เล่าขานถึงตำนานความเข้มแข็งและเกียรติศักดิ์ของพวกมังกรว่าจะอยู่ตราบชั่ว กาลนาน......

.....และแล้ว เพียงชั่วข้ามปี - เพียงผ่านฤดูหว่านหนึ่งครั้ง ฤดูเก็บเกี่ยวหนึ่งครั้ง ฤดูหนาวหนึ่งครั้ง - ทุกอย่างก็มลายสูญสิ้น




บัดนี้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันเป็นใคร เป็นปิศาจ หรือวิญญาณหรือสัตว์ประหลาด แม้ในตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้ มันเป็นพวกอนารยชนหรือพวกฮอร์ด (The Horde) ดำทะมึน ป่าเถื่อน พวกมันมากันเป็นพันเป็นหมื่นจากดินแดนไกลโพ้น เลยออกไปจากเขตแดนทางเหนือ ดินแดนลี้ลับบนขุนเขา
ไม่ว่าพวกมันผ่านไปที่ใด ที่นั่นจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดรอดไปได้ แม้กระทั้งต้นไม้ยังเหี่ยวแห้งและตาย ไม่เหลือแม้กระทั่งซากศพให้ได้ฝัง

ทาร์แรนท์ผู้บิดา ( Tarrant the Elder) เป็นผู้ปกครองดรากอนโฮล์มในสมัยนั้น และถือได้ว่าเป็นผู้กล้าคนหนึ่ง ทันทีที่ทราบเรื่องการคุกคามของพวกฮอร์ด ซามูไรที่หาญกล้าที่สุดของเขาก็รีบรุดออกไปโดยทันทีตั้งแต่ฟ้าสางเพื่อ ต่อสู้กับพวกมัน วีระบุรุษผู้กล้านับร้อยภายใต้ธงมังกรนับร้อยที่โบกสะบัด เป็นเวลาถึงสองอาทิตย์ นักรบคนแรกและเพียงคนเดียวได้กลับมาในสภาพสะบักสะบอมบนอานม้าของเขา คราบเลือดสีดำเกรอะกรังแข็งติดอยู่บนแผลฉกรรจ์ เนื้อขาดวิ่นไม่รู้กี่สิบแห่ง เขาตายซะแล้ว อย่างไรก็ตาม ม้าของเขาตะบึงห้อได้รวดเร็วพอที่จะหลบหลีกชะตากรรมของเจ้านายมันมาได้ ทาร์แรนท์ทราบในบัดดลว่าชาวมังกรทั้งหลายมีความหวังในการที่จะมีชีวิตอยู่ ต่อไปได้ด้วยวิธีเดียวกันเช่นนี้เอง

อาทิตย์ต่อมา กำแพงแห่งดรากอนโฮล์ม กำแพงที่ไม่เคยทลายจากการรุกแม้แต่ครั้งเดียว ได้ถูกละทิ้งไป และชนชาวมังกรก็เริ่มออกเดินทางอันยาวไกลไปทางทิศใต้ หลายเดือนแห่งการเดินทางอันไม่หยุดหย่อนผ่านไป ขบวนม้าอันยิ่งใหญ่ เกวียนและผู้คนกลายเป็นผู้ลี้ภัยไปโดยปริยาย ผู้คนที่ตระหนักดีว่าชาวมังกรนั้นจะไม่หนีฝ่ายตรงข้ามแน่หากพวกเขาสามารถ ปราบฝ่ายปรปักษ์ได้ หลายคนที่ตัดสินใจอยู่ต่อเพื่อปกป้องดินแดน พวกเขาจะได้รับเกียรติยศ ถึงแม้จะไม่มีใครได้ข่าวคราวจากพวกเขาอีกเลย หน่วยสอดแนมที่ถูกส่งไปทางเหนือ ไม่เคยมีใครหวนกลับมาอีกเลย และชาวมังกรก็ยังคงเดินทางมุ่งใต้ต่อไปเรื่อย ๆ

เมื่อสิ้นสุดเดือนที่หก ข้ามสันเขาลูกสุดท้าย พวกเขาก็พบกับมหาสมุทร สิ้นสุดแผ่นดินที่พวกเขาจะหนีต่อไปได้

แน่ นอน ทาร์แรนท์ผู้บิดาย่อมคาดการณ์นี้ไว้แล้ว เขาได้ให้ปราชญ์ของเขาเตรียมอุบายสำหรับการหนีครั้งนี้เอาไว้ และระหว่างการเดินทางอันยาวไกลนั้น พวกเขาได้มีเวลามากมายในการถกเถียงและปรึกษาหารือกัน ขาดเสียแต่เวลาที่จะสร้างเรือและที่หลบซ่อน กองทัพส่วนสำคัญแห่งมังกรก็ได้ถูกทำลายย่อยยับไปในครั้งแรกที่ต่อสู้กับพวก อนารยชนซะแล้ว ความหวังสุดท้ายของทาร์แรนท์จึงอยู่ที่หีบขลิบเงินซึ่งวางล็อคอยู่ภายใน เกวียนของเขาใบนี้เท่านั้น : วงล้อมอสรพิษ (The Serpent Orb) สมบัติเก่าแก่ล้ำค่าที่สุดของชาวมังกร รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์การเป็นผู้นำของเขาด้วย เล่าขานกันว่าวงล้อมนี้สามารถเรียกวิญญาณแห่งมังกรได้หากความต้องการนั้น ยิ่งใหญ่และมีความมุ่งมั้นมากพอ บางคนก็เชื่อเรื่องนี้ แต่ความต้องการนั้นใหญ่หลวงจริง ในขณะที่ผู้คนที่อิดโรยของเขากำลังตั้งรับมือกับพวกอนารยชนอยู่นั้น ทาร์แรนท์ได้ยกความเป็นผู้นำให้แก่ลูกชายของเขา คือทาร์แรนท์ผู้เป็นบุตร (Tarant the Younger) หลังจากนั้นเขาก็อยู่ตามลำพังเพียงผู้เดียว - เพื่อทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และพร้อมที่จะสละชีวิต

ตราบ จนวาระสุดท้ายของเขา ไม่มีผู้ใดได้เป็นประจักษ์พยาน เรารู้แต่เพียงว่าเขาประสบความสำเร็จ ผู้ลี้ภัยทั้งหลายที่รวมตัวกันได้ยินเสียงลั่นเปรี้ยงของความโกรธาแห่งมังกร ดุจดั่งกำแพงอากาศที่บดขยี้ผู้คน ม้าและเกวียนให้แหลกไปกับพื้น ทั่วทุกหัวระแหง ดินแดนเหมือนกับบิดเบี้ยวไปด้วยความปวดร้าวทรมาน หลาย ๆ คนที่รอดพ้นมาจากการเดินทางอันแสนทรหดและยาวไกลถูกบดขยี้อยู่ภายใต้หินที่ เป็นชั้นลดหลั่นกันลงมา หรือไม่ก็โดนธรณีสูบหายไป ที่เหลือรีบลุกลนเข้ากอดกันและสวดมนต์เพื่อขอให้รอดพ้น

เมื่อแผ่นดิน ไหวทุเลาลง ผู้รอดชีวิตจากความกริ้วโกรธาของมังกรต่างตัวสั่นงันงกไปด้วยความกลัว ทาร์แรนท์หนุ่มรวบรวมความกล้าของเขาทั้งหมด เริ่มจัดการก่อสร้างที่กำบังพักพิงจากเศษวัสดุที่ยังคงเหลืออยู่น้อยนิดขึ้น มา หากพวกอนารยชนหรือฮอร์ดเดินทางมาพบเข้าตอนนี้ล่ะก็ พวกเขาคงจะหมดหนทางต่อสู้เป็นแน่ แต่พวกมันก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอีกเลย

ตอน นั้นเองทาร์แรนท์ได้สำรวจผู้คนที่ยังเหลืออยู่อย่างกระจัดกระจายและพบว่าพวก เขาหาใช่ชาวมังกรอีกต่อไปไม่ หากแต่เป็นอะไรบางอย่างในสายตาของเด็กไร้เดียงสาที่สูญเสียบ้านของตนให้กับ ปิศาจ เป็นอะไรบางอย่างในความคิดของนักรบที่ทราบว่าเพื่อนร่วมชาติที่กล้าหาญที่ สุดของตนนั้นหาได้วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน หากได้ต่อสู้และสละชีพในสนามรบ พวกเขากลายเป็นทรัพย์ของดินมิใช่สรวงสวรรค์ กระนั้นพวกเขายังคงเข้มแข็งดุดันและมุ่งหน้าทำงานอย่างหนักด้วยความภาคภูมิ ใจเพื่อดินแดนแห่งใหม่ของเขา และจากความต่ำต้อยในครั้งนี้ผนวกกับความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ จึงกำเนิดสายเลือดอสรพิษ (Serpent Clan) ขึ้น สายเลือดของเรา

ณ วันนี้ หากท่านเดินทางเลยขุนเขาต่าง ๆ ไกลขึ้นไปทางเหนือ ท่านจะไปถึงหน้าผาอันขรุขระมองลงไปเห็นช่องแคบอุบาทว์อันเต็มไปด้วยหินและ ซากปรักหักพังทับถมกันอยู่ ในวันที่อากาศแจ่มใส ท่านก็อาจเห็นรอบนอกของฝั่งตรงข้ามอย่างเลือนลางดั่งมีม่านหมอกปกคลุม ความโกรธาของมังกรได้พังทลายดินแดนนั้นรวมทั้งคนของเราด้วย และบ้านของบรรพบุรุษของเราก็ถูกทิ้งให้อยู่ฟากข้างโน้นของน้ำที่ไม่อาจข้าม ผ่านไปได้ ไม่มีผู้ใดตอบได้ว่าพวกอนารยชน หรือพวกฮอร์ดยังคงรออยู่บนฝั่งด้านนั้นหรือไม่

เราคิดถึงเรื่องนี้น้อยลง ๆ ทุกที เพราะตอนนี้ที่นี่คือบ้านของเรา

เผ่าพันธุ์

เผ่าพันธุ์มังกร (DRAGON CLAN)
ทุกวันนี้พวก Dragon Clan ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเรื่องพื้นบ้านปรัมปราที่เล่าขานกันในจัตุรัสของ หมู่บ้าน เป็นเรื่องของนักประวัติศาสตร์และมรดกของอุดมการณ์ที่สาบสูญ แต่ในช่วงเวลาของทาร์แรนท์ผู้บิดา (Tarrant the Eleder) และบรรพบุรุษของเขา พวก Dragon Clan เป็นชนเผ่ายิ่งใหญ่ในที่ที่มีเกียรติศักดิ์ศรี ระเบียบและความยุติธรรมเป็นเจ้า ในการนำมังกรมาเป็นสัญญลักษณ์ เผ่าพันธุ์นี้ได้ปวารณาตัวให้เข้าถึงอุดมการณ์สูงสุดของปัญญา เกียรติยศ และความเหี้ยมหาญในสมรภูมิ

สมาชิกทุกคนของ Dragon Clan ตั้งแต่ชาวบ้านจนถึงซามูไร รู้จักบทบาทหน้าที่ของตนดีและกระทำมันอย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนักในไร่เมื่อฤดูกาลผันเปลี่ยน หรือการซ้อมรบตลอดปี และการตายอย่างมีเกียรติในสมรภูมิ แล้วเผ่าพันธุ์นี้ก็ใช่ว่าจะขาดซึ่งวัฒนธรรม ดูอย่างเกอิชาผู้ซึ่งมีความงามล้ำเลิศและรอบรู้ศิลปะชั้นสูงดุจเดียวกับ ซามูไรในสนามรบ

เมื่อพวกอนารยชนหรือ Horde บุกเข้ามาและดินแดนถูกแบ่งแยก พวก Dragon Clan โบราณนี้ได้ตายไป แต่ผู้ที่เหลือรอดอยู่ได้กลายเป็นพวกเผ่าพันธุ์อสรพิษหรือSerpent กระนั้นสักวันพวก Dragon Clan อาจจะหวนคืนมา ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เราหวาดกลัวเกินกว่าจะหวังถึงสิ่งนั้น จนกว่าจะถึงวันนั้น เรายังคงจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ เรายังคงพูดถ้อยคำเหล่านี้ และเรายังคงรำลึกถึง…..

เผ่าพันธุ์อสรพิษ (Serpent Clan)
ทุกคนคาดไว้ว่าเชื้อสายมังกรหรือ Dragon Clan จะคงอยู่ตลอดไป แต่ ณ วันที่โลกแตกออกเป็นเสี่ยง ทาร์แรนท์ผู้เป็นบุตร (Tarrant the Younger) พบว่าบิดาของเขานั้นสิ้นชีวิตลงเสียแล้ว คงเหลืออยู่แต่เพียงอาณาจักรที่แตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับศัตรูผู้ซึ่งหลักเกณท์และอุดมคติต่าง ๆ ไม่มีความหมายอะไรสำหรับนักรบของพวกมันเลย นักสู้ของพวกเขาโดนตัดกำลัง จะมีก็แต่การหนีหัวซุกหัวซุนและการพลีชีพอย่างสิ้นหวังเท่านั้นที่จะช่วยให้ พวกพ้องของเขามีชีวิตรอดต่อไปได้ พวกที่รอดชีวิตกลับมาได้ก็ไม่สามารถที่จะคิดถึงตัวเองในลักษณะอย่างที่เคย เป็นอีก พวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เผ่าพันธุ์มักรได้ตายลงแล้ว

ทาร์แรนท์ ผู้เป็นบุตร ได้กระทำสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตของเขา เขารวบรวมชาวมังกรที่เหลืออยู่ทั้งหมด และชนอีกเผ่าหนึ่งอีกครึ้งโหลที่ได้หนีพวกอนารยชนหรือฮอร์ดจนเหลือกันอยู่ เพียงน้อยนิด และให้ชนเหล่านี้อยู่ภายใต้ชื่อและธงเดียวกัน พวกเขาไม่สามารถที่จะภาคภูมิใจในตนเองได้เท่ากับตอนที่เป็นชาวมังกร แต่พวกเขาก็ได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำให้มีชีวิตรอดต่อไปได้ โดยการใช้ไหวพริบในระหว่างที่พละกำลังของเขาทำให้เขาพ่ายแพ้

ด้วยประการเช่นนี้เอง ที่พวกเขาได้กลายเป็นชาวอสรพิษ หรือ The Serpent ประเพณีเก่าแก่ยังคงอยู่ แต่ถือปฏิบัติด้วยจิตวิญญาณใหม่ ในอดีต นักรบยอมพลีชีพในสมรภูมิเพื่อเกียรติยศศักดิ์ศรี แต่บัดนี้หาใช่เช่นนั้นอีกต่อไป นักรบต่อสู้เพียงเพื่อหลีกหนีความตามเท่านั้น ชาวบ้านไม่เพาะปลูกเพื่อความสามัคคีปรองดองกันในสังคมอีกต่อไป หากแต่ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำก็เพื่อความก้าวหน้าของตนเองและเพื่อเอาเงินไป ซื้อเหล้าเอล ในวันเลี้ยงฉลอง ก็เป็นเฉกเช่นมังกรกลับกลายเป็นอสรพิษ ซามูไรกลับกลายเป็นโรนิน แต่อย่างน้อยเราก็มีชีวิตรอด

เผ่าพันธุ์บัวหลวง (LOTUS CLAN)
เช่นเดียวกับพวกอสรพิษ เผ่าพันธุ์บัวหลวงเกิดจากการรวมตัวของผู้ที่เหลือรอดของเผ่าพันธุ์โบราณที่ถูกทำลายล้างโดยพวกอนารยะ (Horde) เนิ่นนานมาแล้ว มีชนเผ่าพ่อมดและชาวป่าที่สงบสุข พวกเขาบูชาพระเจ้าแห่งความสมดุลและธรรมชาติที่มีสัญญลักษณ์เป็นต้นไม้สูง ใหญ่ พวกเขาแทบจะไม่เคยรู้จักความวุ่นวายแตกแยก ยกเว้นเมื่อตอนที่กลุ่มของปราชญ์บ้าวิชาถลำลึกเข้าไปในมนต์ดำของความเน่า เปื่อยฟอนเฟะ ที่เรียกกันว่ามรรคาต้องห้าม (Forbidden Path)

เมื่อ พวกอนารยะชนบุกเข้ามา คนในเผ่าถูกฆ่าตายหมดยกเว้นพวกพ่อมดนอกรีตไม่กี่คนผู้ซึ่งความรู้ทางหยินทำ ให้เขามีโอกาสหลบนี้ได้ในขณะที่พวกพ้องต้องดับดิ้น พ่อมดกลุ่มนี้รอนแรมมาถึงดินแดนแห่งนี้และตั้งหลักปักฐานบนที่ราบสูง (High Plateau) ที่ซึ่งรู้กันว่าเป็นที่อยู่ของพลังอำนาจประหลาด ในเวลานั้นเอง พวกเขารวมตัวกันเข้าเป็นเผ่าพันธุ์ใหม่ ภายใตื่อของดอกไม้หอมอันมีพิษ - บัวหลวง (Lotus)

เมื่อไม่มีข้อห้ามใด แล้ว เผ่าบัวหลวงก็ดำเนินไปตามมรรคาต้องห้ามอย่างเต็มที่ ค้นหาวิธีควบคุมความตายและความเน่าเปื่อยโดยการปล่อยตัวเข้าไปหาสิ่งนั้น ความเชื่อของพวกเขาล้อเข้ากับความเชื่อของบรรพบุรุษแต่เป็นในแบบเน่าเฟะ ต้นไม้ของพวกเขาคือฝันร้ายแปลกปลอมที่ถูกรดน้ำพรวนดินด้วยผองพวกที่ไม่มีวัน ตาย ความเหยียดหยามจงเกลียดจงชังของพวกเขาที่มีต่อเผ่าหมาป่าที่บูชาธรรมชาติอาจ จะเกิดมาจากรากลึกทางประวัติศาสตร์ของพวกเขาเอง

กลุ่มผู้นำของเผ่า พันธุ์เป็นพวกพ่อมดผู้อยู่ยั้งยืนยงและมัวเมาอยู่กับการวิจัยของตน ค้นหาเพทุบายกระหายเลือดในสภาและหมู่พันธมิตรในโลกมืด ศีลธรรมจรรยาเป็นเพียงเรื่องตลกขำขัน - อำนาจและความรู้คืออุดมการณ์ และการรุกรานกดขี่เผ่าพันธุ์อื่นเป็นทาสก็เป็นเพียงหนทางไปสู่เป้าหมายนี้ เวลาหลายทศวรรษที่ใช้ในการหลอกใช้และจับพวกหมาป่ามาเป็นทาสได้ทำให้เกิดการ นองเลือดและความตึงเครียดขึ้นในแผ่นดิน


WOLF CLAN - เผ่าหมาป่า
ผลกระทบของการปะทะกันระหว่างวิญญาณแห่งมังกรกับพวกอนารยะ (Horde) นั้นได้ส่งคลื่นสั่นสะเทือนออกไปไกลหลายร้อยไมล์และได้ทำให้สภาวะดินฟ้า อากาศแปรปรวนไปทั่วโลก นี่เป็นสิ่งที่รู้กันอย่างชัดเจนในอีกหกเดือนต่อมาเมื่อมีกองเรือไม้มาล่ม ที่ชายฝั่งด้านเหนือ และมีชาวเผ่าแปลกหน้าตะเกียกตะกายมาขึ้นฝั่ง เมื่อความตั้งใจในการอยู่อย่างสันติของทั้งสองฝ่ายเป็นที่ทราบแน่แก่กันแล้ว พวกเผ่าหมาป่าก็ไปลงหลักปักฐานบนเนินเขาหินและลำธารภูเขาอันเย็นยะเยือกทาง ตะวันตกเฉียงเหนือ

ด้วยวิถีชีวิตเถื่อน ๆ และการบูชาลัทธิโบราณ ชาวเผ่าหมาป่านั้นเป็นเพื่อนบ้านที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับชาวอสรพิษ (Serpent) ที่เป็นนักปฏิบัติและศิวิไลซ์กว่า ชาวบ้านอสรพิษนั้นถึงกับหนาวเหน็บเมื่อได้ยินเสียงเห่าหอนประดุจสุนัขป่าและ เสียงกลองอึกทึกครึกโครม ผู้เยี่ยมเยียนมักจะชอบพูดถึงสถาปัตยกรรมที่ดูต๊อกต๋อยบุโรทั่งของพวกเขา รวมทั้งกีฬาฟุตบอลหมาป่า (Wolfball) ที่ดูรุนแรงราวกับเป็นสงครามกลางเมืองทีเดียว - และคนนอกเผ่าหมาป่าที่ไม่มีความสามารถในการฟื้นพลัง (regeneration) อย่างรวดเร็วก็ไม่ควรริไปเล่นเลยทีเดียว นอกจากนี้แล้วก็ยังมีคนเห็นสิ่งแปลกประหลาดต่าง ๆ ในป่าทึบ พวกครึ่งคนครึ่งสัตว์……

เมื่อ เผ่าหมาป่าต้องพ่ายสงครามแก่เผ่าบัวหลวง หลายคนนึกว่านั่นเป็นอวสานแห่งเผ่าพันธ์เป็นแน่แท้ แต่แม้จะต้องตกเป็นทาสในเหมืองหินน้ำมัน พวกเขาก็ยังคงความอหังการ์แห่งเผ่าพันธ์ได้แม้จะเป็นพวกรุ่นหลังที่เติบโต ขึ้นมากเยี่ยงทาส พวกเผ่าบัวหลวงนั้นเป็นนายที่โหดร้าย และเมื่อเผ่าหมาป่าลุกฮือขึ้นมา ความเจ็บช้ำของการถูกเหยีดย่ำกดขี่มานานนับสิบ ๆ ปีและเลือดของความเกลียดชังก็ระเบิดออกมาในค่ำคืนอันสยดสยองนั้นเอง

ยัง คงมีความลับดำมืดปกคลุมอยู่รอบ ๆ ตัวพวกเขา ตั้งแต่กติกาของฟุตบอลหมาป่า ไปจนถึงพิธีกรรมที่ผู้หญิงกระทำในคืนเดือนเพ็ญ ความขมขื่นที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามกับเผ่าบัวหลวงได้ทิ้งบาดแผลลึกไว้ในใจ ของชาวเผ่าหมาป่า ทำให้พวกเขาหันไปหาวิธีการสู้รบแบบใหม่ที่ใช้เพียงมือเปล่า ก้อนหินและอุปกรณ์ในเหมือง แม้จะผ่านอะไรต่ออะไรมาขนาดนี้ แต่วัฒนธรรมพื้นฐานของเขาก็ยังคงอยู่ นั่นก็คือความชื่นชมในธรรมชาติ ความกลมกลืนกับฤดูกาล และปัญญาแห่งธรรมชาติที่มีรากฐานอยู่ที่ความสมดุล

http://rapidshare.com/files/140605153/Battle_Realms.7z.001
http://rapidshare.com/files/140615698/Battle_Realms.7z.002
http://rapidshare.com/files/140626180/Battle_Realms.7z.003
http://rapidshare.com/files/140634030/Battle_Realms.7z.004
http://rapidshare.com/files/140643433/Battle_Realms.7z.005
http://rapidshare.com/files/140651937/Battle_Realms.7z.006
http://rapidshare.com/files/140659958/Battle_Realms.7z.007
http://rapidshare.com/files/140667363/Battle_Realms.7z.008
http://rapidshare.com/files/140675147/Battle_Realms.7z.009
http://rapidshare.com/files/140682057/Battle_Realms.7z.010
http://rapidshare.com/files/140687716/Battle_Realms.7z.011

0 ความคิดเห็น: